สวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน
วันนี้มาพบกันอีกครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้มีการพบปะพูดคุยกันหลายครั้งแล้ว อยากกราบเรียนทุกคนที่กรุณาฟังมาโดยตลอด ขอความกรุณาช่วยชี้แจงเพิ่มเติมให้กับผู้ที่ไม่ได้ฟังด้วย จะได้ทำความเข้าใจด้วยกัน ก้าวหน้าเดินขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกัน วันนี้กว่า 2 เดือน ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาบริหารประเทศ วันนี้สถานการณ์โดยรวม ทั้งด้านการเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อแม่พี่น้องชาวไทย มีความสงบเรียบร้อยดี มีรอยยิ้มอยู่ในพื้นที่ทุกพื้นที่ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาในเรื่องของการทำมาหากินอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเรามองย้อนกลับไปก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น
พวกเราคงยังจำได้ว่ามีเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ความขัดแย้ง การชุมนุม ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข มีการใช้ความรุนแรง มีการใช้อาวุธสงครามต่อกัน ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมากพอสมควร มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง มีการใช้สื่อสร้างความเกลียดชังระหว่างคนไทยด้วยกัน เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองและทางด้านอื่นๆ ทำให้ทรัพย์สินประชาชนเสียหาย เศรษฐกิจของประเทศประสบปัญหา มีเรื่องความโปร่งใสและไม่โปร่งใส การทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐ ภาคเอกชนที่ร้ายแรง รัฐบาลไม่สามารถให้การบริการประชาชนในเรื่องพื้นฐานต่างๆได้อย่างเต็มที่ และประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการเข้าสู่สภาวะรัฐล้มเหลว หรืออาจจะเกิดการจลาจล และสงครามกลางเมืองได้ตลอดเวลา
สิ่งเหล่านั้น อยู่กับพวกเรามาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี มาแล้ว ตั้งแต่ปี 2549 และก่อนหน้านั้นอีก ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากหลายประการด้วยกัน ประเด็นสำคัญคือในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่น การขาดคุณธรรม จริยธรรม ความขัดแย้งทางด้านความคิด อุดมการณ์ทางด้านการเมืองที่แตกต่างกันออกไปและอื่นๆ เรื่องเหล่านี้พี่น้องทุกท่านคงทราบดี เรามาช่วยกันแก้ไขการแก้ไขปัญหาต่างๆที่มีการฝังรากลึกมาเป็นเวลานานหลายปี เราต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการที่จะแก้ไขโดยอาศัยความตั้งใจที่แน่วแน่ความร่วมแรง ร่วมใจจากพี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่านทุกภาคส่วน ที่มุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อให้ประเทศของเรากลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่ ประชาชนมีความสุข มีระบบการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ เอื้อประโยชน์ต่อทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
การดำเนินงานของ คสช. ปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 2 ตาม road map คือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวและการเดินหน้าการปฏิรูปประเทศ ซึ่งมีประเด็นหลายประเด็นด้วยกันที่จะเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
เรื่องอำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว คสช. ยืนยันว่า เราไม่ได้มุ่งหวังจะใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ เราต้องการใช้เพื่อให้การปฏิรูปดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ จะเห็นได้ว่าในระยะที่ 1 ที่ผ่านมา คสช. ใช้อำนาจอย่างระมัดระวัง โดยใช้เท่าที่จำเป็นไม่ให้กระทบกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน การดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน เคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตาม road map ที่ได้วางไว้ และสัญญาไว้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนไว้ตลอดมา การที่มีอำนาจของ คสช. อยู่ในบางเรื่อง อาจจะมีความจำในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เพราะเรามีเวลาจำกัดที่จะต้องเร่งเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย เพื่อให้ได้มีการจัดการเลือกตั้งได้โดยเร็ว
เรื่องการเคลื่อนไหวต่อต้านในประเทศและต่างประเทศ ที่เป็นประเด็นในเวลานี้ คือ เรื่องของมาตรา 112 ขอความกรุณาให้แยกแยะออกจากกันให้ได้ว่าประชาชนทั่วไป เรามีกฎหมายปกติ คือกฎหมายหมิ่นประมาทสำหรับสถาบันเรา ซึ่งเป็นสถาบันที่เคารพนับถือ ถือว่าพวกเราต้องดูแลว่าจะทำอย่างไรให้สถาบันนั้นอยู่ในจุดที่เหมาะสม และปลอดภัยจากการที่จะนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อจะทำลายกัน สำหรับใครที่ทำความผิด ใครที่ไปกล่าวให้ร้าย ใครที่ไปทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นทำจริง ถ้าทำไม่จริงก็ลงโทษไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกระบวนการมีหลายขั้นตอนด้วยกัน ตั้งแต่การร้องทุกข์กล่าวโทษ การพิจารณาของคณะกรรมการว่าจะฟ้องหรือไม่ ก่อนจะส่งอัยการเมื่อส่งอัยการขึ้นไปแล้วก็มีคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรมดูอีกครั้ง ทั้งนี้ก็เป็นไปตามพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงเคยรับสั่งไว้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนที่คอยจะละเมิด คอยที่จะไม่เข้าใจ และคอยที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการให้ร้ายซึ่งกันและกัน ต้องมีการพิสูจน์ทราบว่า ใครทำจริงหรือไม่ ถ้าไม่ทำหรือทำโดยไม่เจตนา ผมคิดว่ากฎหมายก็มีข้อยกเว้น หรือมีข้อพิจารณาเป็นพิเศษให้อยู่แล้ว ขอความร่วมมือกับทุกท่านด้วย ชาวต่างชาติอาจจะยังไม่เข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์ท่านทรงอยู่เหนือการเมือง อยู่เหนือทุกอย่าง อยู่ที่คนที่จะทำให้ท่านทรงเสื่อมเสีย อันนี้ต้องช่วยกันระมัดระวัง และสร้างความเข้าใจด้วย
การปฏิบัติงานของ คสช. ที่ผ่านมา ถ้าสรุปโดยสั้นๆ ช่วงแรกคือช่วงนี้ประมาณ 3 เดือนที่จัดระเบียบโดยการใช้การบริหารโดย คสช. ก่อนจะมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระยะกลาง จะมีรัฐบาลที่ผมเคยเรียนไว้ว่า ประมาณเดือนกันยายนเราจะต้องมีรัฐบาล ในการที่จะเป็นรัฐบาลอาจจะเรียกว่ารัฐบาลเฉพาะกาล แต่ต้องมีอำนาจเต็ม ในการบริหารราชการแผ่นดิน อันนี้เราต้องนำระยะที่ 1 มาสู่การแก้ปัญหาที่ต้องใช้เวลา ใช้กฎหมายมากขึ้นและต้องนำไปสู่การปฏิรูป และการจัดทำกฎหมายใหม่บ้าง และเตรียมกติกาการเลือกตั้งต่างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
เมื่อจบระยะที่ 2 เราจะส่งต่อให้ระยะยาว คือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ผมเรียนไปหลายครั้งแล้ว ใจเย็นๆ เล็กน้อย ถ้าท่านใจร้อนผมก็ใจร้อน จะเร่งรัดต่างๆให้เร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ผมว่าอันตรายในการที่จะทำงาน บางอย่างต้องแก้ปัญหาใช้เวลามากพอสมควร เพราะเกิดขึ้นมาหลาย 10 ปี แล้วบางอย่าง
ประเด็นสำคัญคือ เราต้องไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องคือเรียกว่าผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา คือกับประเทศชาติ เพราะ คสช. ถือว่าเราทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้ทำเพื่อพวกเรา ทำเพื่อเราคือคนไทยทุกคน เราไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆ ถ้าทำดีก็แค่เสมอตัว พวกเราทราบดี ถ้าไม่ทำอะไรก็ปล่อยให้ประเทศล้มเหลวไป เราก็ปล่อยไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเป็นหน้าที่ ชีวิตจิตใจของพวกเราก็เหมือนกับทุกท่าน รักชาติรักแผ่นดินเหมือนกัน ฉะนั้นเรามีหน้าที่ด้านความมั่นคง เราคงปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนไม่ได้ เราต้องไว้วางใจซึ่งกันและกันก่อน ถึงจะทำอะไรต่อไปได้ ไม่ใช่จะต้องแบบนี้ จะต้องเป็นแบบนั้น จะต้องเป็นเหมือนวันนั้น วันนี้ ถ้าคิดแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
วันนี้เราพยายามคิดใหม่ทำใหม่ บางอย่างเป็นปัญหาเก่า บางอย่างเป็นปัญหาใหม่ บางอย่างเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ทุกคนต้องไปย้อนดูว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร โดยใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีความจำเป็นที่ต้องแก้ปัญหาให้ได้ ถ้าทุกคนคิดว่า คสช. ต้องการใช้อำนาจหรือต้องการผลประโยชน์ คสช. ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งรัฐบาล เราบริหารโดย คสช. แบบระยะแรกไปดูจะดีกว่า ไม่ยุ่งยาก แต่เราก็ทำไม่ได้ เพราะต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเราไม่ต้องการอำนาจ เราต้องการให้การปฏิรูปดำเนินการไปได้ โดยมีทุกภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าไม่อย่างนั้น ถ้าทำไปแล้วท่านก็ไม่รับอีก วันหน้าก็เกิดปัญหา ถ้าใครยังไม่ร่วมกันปฏิรูปท่านก็คิดแล้วกันว่าเมื่อถึงเวลาที่เขาทำกันเสร็จเรียบร้อย แล้วท่านไม่เข้ามา และวันหน้าท่านจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบว่าท่านไม่รู้เรื่อง ท่านไม่ได้เข้ามา ผมว่าท่านไปคิดใหม่ วันนี้เราพยายามทุกอย่างที่จะลดความกดดันทั้งในและต่างประเทศ แม้มีคนบางส่วนไม่พอใจอยู่บ้าง ผมเข้าใจในส่วนที่ยังต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วอยู่เช่นเดิม ผมไม่เข้าใจว่าไม่รู้สึกอะไรกันเลยหรือว่าจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาในบ้านเมืองของเราว่าอันตรายแค่ไหน อย่างไร วันนี้ทุกประเทศในโลกรบกัน ทำไมเราต้องกลับไปสู่แบบนั้นอีก วันนี้เราต้องเตรียมการอพยพผู้คนอีกมากมาย หลายประเทศมีการสู้รบ สงครามการเมือง เราจะกลับไปสู่แบบนั้นหรือ จะมาพูดอีกครั้งแล้วกัน
ส่วนของความพึงพอใจของประชาชน ในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา เกือบ 3 เดือนนี้แล้ว การแก้ปัญหาในเรื่องของความเดือดร้อน อาชีพ รายได้ ความเป็นอยู่ อันนี้เราแก้เร่งด่วนเท่านั้น ระยะยาวยังทำอะไรได้ไม่มากนัก เพราะปัญหาสะสมมานาน การแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบ ยังไม่มีผลชัดเจนที่จะลงมาสู่ แต่ละกลุ่ม แต่ละครอบครัว แต่ละบ้าน ไม่ได้มากนัก มีผลกระทบในวงกว้าง การที่เราจะแก้ปัญหา ต้องแก้ปัญหาทุกระดับ ต้องมีมาตรการต่างๆ เพราะเราเป็นสังคมที่มีคนอยู่มากหลายกลุ่ม หลายหมู่เหล่า ที่อยู่ด้วยกัน มีความเป็นอยู่หลายระดับด้วย ฉะนั้นเราต้องแก้ทั้งทางด้านนโยบาย การปกครอง การบริหารจัดการ การใช้จ่ายงบประมาณที่เหมาะสม ระเบียบข้อบังคับ กฎหมาย ระบบข้าราชการที่จะต้องเอื้อต่อการให้การบริการเหล่านี้ เมื่อเราแก้ทั้งระบบได้ก็จะกลับมาสู่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้น วันนี้ต้องอดทน เราพยายามแก้ไขปัญหา เราจะแก้ปัญหาเร่งด่วนให้ จะส่งผลกระทบให้สิ่งที่ดีๆ ต่อประชาชนในระยะยาว ถ้าเราเร่งด่วนทำไป ก็ได้วันนี้ แก้วันนี้ วันหน้าก็เกิดขึ้นมาอีก ทำอย่างไรจะไม่เกิดขึ้นมาอีก
ในส่วนของการทำงานการบริการให้กับประชาชนจากข้าราชการน่าจะดีขึ้น ถ้าปฏิรูปได้ทุกระบบ อย่างที่ตั้งใจไว้ต้องใช้เวลาในระยะที่ 2 ในการที่จะจัดระเบียบ วันนี้การจัดระเบียบสังคมในเรื่องต่างๆ อาจทำให้บุคคลบางกลุ่มเดือดร้อนอยู่บ้าง ท่านใดก็ตามที่ไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ถึงแม้ท่านจะได้เงินมา ท่านได้รายได้มาเลี้ยงครอบครัว บุตร ภรรยา แต่ผิดกฎหมายและไม่ยุติธรรมกับคนที่ไม่ทำผิดกฎหมาย เขาไม่สามารถมาหากินได้ ไม่สามารถประกอบสัมมาอาชีวะได้ เจ้าหน้าที่ทุจริตก็เกื้อกูลซึ่งกันและกัน สมยอมกัน บ้านเมืองไร้ระเบียบ ไร้กฎเกณฑ์ ไม่เรียบร้อย ถ้าเราปล่อยสิ่งต่างๆเหล่านี้ไว้เกิดความไม่เป็นธรรม ประชาชนเดือดร้อน คนส่วนน้อยได้ประโยชน์ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ประโยชน์ ก็มีผลกระทบ มีความขัดแย้งกันเหมือนเดิม เราต้องแก้สิ่งเหล่านี้ให้ได้ แก้ที่ใคร แก้ที่เราทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งข้าราชการและประชาชน ต้องใช้ความมีคุณธรรมและจริยธรรมในการอยู่ร่วมกัน
การปฏิรูประยะที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีดังนี้
ระยะที่ 1 คือการเตรียมการ ได้ดำเนินการไปแล้ว ที่มีสำนักงานปฏิรูปของ คสช. ที่ผมกล่าวว่าต้องมีการเตรียมการก่อน บางคนบอกว่าไม่ต้องเตรียมอะไรเลย แล้วจะรู้เรื่องหรือ ทำกันแค่ 3 เดือนจะปฏิรูปได้อย่างไร เขาเตรียมการ และเข้าระยะที่ 2 คือเมื่อมีสภาปฏิรูป ประมาณหลังจากมีที่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี แล้วประมาณเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือน กว่าจะเลือกตั้ง กว่าจะคัดสรรเลือกตั้ง กว่าจะเรียบร้อย โปรดเกล้าฯ ลงมาได้สภาปฏิรูปต้องใช้เวลา ถึงจะเริ่มทำงานได้
ปัจจุบันผมอยากกราบเรียนทุกคนที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่มีส่วนได้ ส่วนเสียกับประเทศนี้ นักการเมืองทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ท่านต้องยอมรับก่อนว่าในปัจจุบันบ้านเมืองไทยเรามีปัญหา มีมายาวนานแล้วด้วย ระบบประชาธิปไตยที่เราว่าดี เลือกตั้งกันมา ก็มีปัญหาอีกต้องแยกแยะออกจากกัน เอาตัวเองถอยออกมา มองปัญหาของตัวเองเก็บไว้ข้างนอกก่อน และมองปัญหาส่วนรวมไว้อีกซีกหนึ่ง ประเทศชาติอยู่ทางด้านซ้าย และวิธีการแก้ปัญหาอยู่ทางซีกขวา และเราจะช่วยกันนำซ้ายกับขวามาแก้อย่างไร ปัญหาหาวิธีทางแก้กันซะ เมื่อหาข้อยุติได้แล้ว นำตัวเราเข้ามา ถ้านำตัวเราเข้ามาตั้งแต่ต้น พอเริ่มซ้าย พอจะทำขวามา แล้วเราจะอยู่ตรงไหน เราจะได้อะไร ก็แก้ไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นท่านนำตัวของท่านออกมาก่อน ถ้าท่านมาพูดว่าเรื่องนั้นเป็นแบบนั้น เรื่องนี้เป็นแบบนี้ ทำไมท่านไม่แก้ สมัยก่อน ท่านก็แก้ไม่ได้ วันนี้ถึงได้มี คสช. จะบอกว่านำประชาธิปไตย ต้องการประชาธิปไตยเวลานี้ เวลาก่อนหน้านี้มีประชาธิปไตย ทำไมท่านไม่ทำ วันนี้ขอร้องอย่าเพิ่งพูด พูดไปก็ไม่เกิดผลดี มีเวลาเป็น 10 ปี ท่านไม่ทำกัน วันนี้ถึงได้มาช่วยกันทำ ไม่ใช่ผมทำคนเดียว ท่านต้องมาช่วยผม ไม่ใช่มาเป็นห่วงเรื่องต่างๆ ท่านรู้ปัญหาทุกอย่าง เพราะท่านเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องปัญหามาโดยตลอด แต่ท่านแก้ไม่ได้ ฉะนั้นการที่จะทำให้การเมืองาของเราก้าวหน้า เราต้องนำตัวออกมาก่อน เมื่อไหร่ก็ตามที่เราแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แก้กระบวนการได้ แก้วิธีการได้ แก้การบริหารจัดการได้ เราเข้ามาและให้การบริการต่อประชาชน แล้วจะเรียกว่าการปฏิรูปที่สำเร็จ แต่ถ้าหากทุกคนห่วงว่าออกอะไรมากไป มีกฎหมายมากไป วันหน้าเราจะอยู่อย่างไร เราจะปกครองได้อย่างไร เราจะเข้ามาบริหารได้อย่างไร เราจะมีผลประโยชน์ได้อย่างไร ถ้าแบบนี้ผมถือว่าไม่น่าใช้คนไทย คนไทยต้องเอาประเทศชาติมาก่อน พวกผมคิดแบบนั้น ใครจะมองอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่พวกเราคิดแบบนี้ เพราะเราเป็นทหารของประชาชน หากทุกคนมองว่าถ้าไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีการเลือกตั้ง หรือโดยปัจจุบัน ถ้าหากวันข้างหน้าต่อไปไม่มีนโยบายเรื่องประชานิยมแล้ว พรรคเราจะไม่ได้คะแนนเสียง ประชาชนจะไม่เลือกพรรคเราเข้ามา ผมว่ามีวิธีการอีกร้อยแปดพันเก้าวิธี ที่จะทำให้ประชาชนเลือกท่านเข้ามา ไม่ต้องกลัว ถ้าท่านทำดี มีแต่คนเลือกท่านแน่นอน ท่านเสนอแนวทางของท่าน พรรคของท่านใครก็ต้องเลือกท่าน ท่านทำให้ดีแล้วกัน อย่ามาทำให้เกิดความวุ่นวาย สับสน เกิดความขัดแย้ง ไม่โปร่งใส ผมว่าใครก็เลือกท่าน อย่ากังวล
การปฏิรูปทรัพยากรบุคคล เป็นเรื่องสำคัญ เรามีอยู่ในหัวข้อของ 11 เรื่องอยู่แล้ว การบริหารจัดการทุกอย่างมาด้วยคน ถ้าคนใน 11 เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ก็ไปไม่ได้อีก เพราะว่าคนคือทรัพยากรสำคัญของทุกประเทศในโลกนี้ แผ่นดินนี้ เกิดขึ้นในประเทศล้วนมาจากคน เพราะว่าคนมีความคิดที่แตกต่าง มีความเชื่อ มีทัศนคติที่แตกต่างกันออกไป ถ้าหากว่าเราปรับค่านิยมของคนไทย หรือทัศนคติต่างๆ ให้กลับมาเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ ที่มีความน่ารัก ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีรอยยิ้ม ที่ผมก็ยิ้มอยู่ในขณะนี้ พยายามยิ้มอยู่ คุณธรรมจริยธรรม รู้จักหน้าที่ มีความรับผิดชอบ เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมของประเทศชาติเป็นหลัก ดังที่ผมเคยกล่าวไปแล้ว ในเรื่องค่านิยมของคนไทยทั้ง 12 ประการ
การปลูกฝังค่านิยมนี้ ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่เรื่องที่ยาก ผู้ใหญ่ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง คนไทยโดยธรรมชาติแล้วเป็นคนรักพวกพ้อง รักตัวเอง บางครั้งก็หลงลืมไป จนดูขาดความเมตตา แต่ถ้าใครจะมาทะเลาะเบาะแว้งด้วย ตรงนี้เราจะรวมกันสู้ เป็นมาตั้งแต่อดีต ถ้าอยู่ด้วยกันก็ทะเลาะกัน ใครจะมารังแกเรา เราก็จะรวมสู้กัน นี่คือคนไทย ไม่ใช่นิสัยหรืออะไรที่เสียหายเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำไป เพียงแต่ยามปกติอย่าทะเลาะกันเลย วันนี้ทะเลาะกันไม่ได้แล้ว ประเทศมี 2 ร้อยกว่าประเทศ ทั้งโลก ถ้าในชาติเราทะเลาะกันจะไปสู้อีกเกือบ 2 ร้อยประเทศเหล่านั้นได้อย่างไร เราต้องมีความเมตตา ห่วงใยผู้อื่น อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัว โกรธแค้นชิงชังผู้อื่น บางทีไม่รู้จัก ใครเขาบอกว่าคนนี้ดี คนนี้ไม่ได้ก็ไปรักคนนี้ ไม่รักคนนี้ ทั้งที่ไม่รู้จักเขา หรือไม่ก็ไปทุ่มเทให้เขาเพราะเขาอาจจะรักเรา เขาก็ให้นั้น ให้นี่ ก็ได้ประโยชน์ บางทีก็ลืมไปว่าที่เขาให้เราถูกต้องหรือไม่ เอาเงินจากที่ไหนมาให้เรา ฉะนั้นทำให้เกิดการแบ่งกลุ่ม แบ่งพวก แบ่งเรา ผลประโยชน์ไม่ทั่วถึง ถ้าจะมาแจกจ่ายกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งไว้ว่า อย่าให้แต่ปลา ให้เบ็ดตกปลาเขาด้วย
ถ้าหากเราอยากให้ทุกคนรับอย่างทั่วถึง เราต้องเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มองในภาพรวมให้เกิดการยอมรับให้มากขึ้น ถ้าเป็นแบบนั้น สังคมต่อไปก็แหลกเหลว คนดีอยู่ไม่ได้ ทุกคนก็ไปทำความไม่ดีมาทั้งหมด ทั้งประชาชน ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ทัศนคติก็จะเปลี่ยนไป เขาจะยอมรับอิทธิพลนอกระบบ ทำไม่ดี โกงแต่แบ่งปัน เท่ากับไปส่งเสริมการทำนอกระบบ ทำผิดกฎหมาย และไปเรียกมาปกป้องซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความขัดแย้ง และทำร้ายซึ่งกันและกันทั้งด้วยวาจาบ้าง ด้วยกำลังบ้าง ด้วยอาวุธบ้าง ทำให้บาดเจ็บล้มตาย หรืออย่างน้อยเสียชื่อเสียง สำหรับคนดีๆ เขาก็หมดกำลังใจบางคนบอกว่าการเมืองไม่ค่อยดีนัก ไม่อยากเข้ามา ไม่อยากมาเลือกตั้ง ทำไมเป็นแบบนั้น ทำไมไม่ทำให้เขาคิดว่าการเมืองของเราเป็นการเมืองที่ส่งเสริม สร้างสรรค์ทุกคนอยากเข้ามา ไม่มีเงินก็เข้ามาได้ มาให้การบริการมาช่วยเหลือ ถ้าคิดแบบนี้การเมืองเราจะดีขึ้น
เรื่องที่อันตรายที่สุดคือการฉ้อฉล ยุยง ปลุกปั่น ทุจริตผิดกฎหมาย รักพวกพ้องและร่วมกันทำสิ่งไม่ดี เป็นบ่อเกิดของความวุ่นวาย บ้านเมืองเป็นของศักดิ์สิทธิ์ การที่เราจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากสิ่งที่เราโกงเขามา ให้พวกนี้ พวกนั้นเป็นการเฉพาะ แต่ส่วนใหญ่นำไปแล้ว ประชาชนก็ได้แต่เพียงส่วนน้อย อันนี้ผมคิดว่าประชาชนต้องเข้าใจ มองให้กว้างขึ้น เฉลี่ยความสุขที่เคยได้รับมามากกว่าคนอื่น ให้คนอื่นที่เขาไม่ได้ด้วย เพราะเขาไม่ใช่พวก ตรงนี้เป็นหน้าที่ของประชาธิปไตยที่ต้องดูแลคนทุกพวก ทุกฝ่าย ถึงแม้จะไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล เป็นฝ่ายค้านก็ตาม ทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน อันนี้คือเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตยไทย
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครม. สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ยังไม่ได้ทำ อยู่ในขั้นตอนทั้งสิ้น มีการต่อว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ทำไมกลุ่มนี้มาก กลุ่มนี้น้อย ก็วันนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่หรือ วันนี้เราจะแก้ปัญหาการปฏิรูป ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งประชาธิปไตย 100% อยู่แล้ว เราต้องการทำอย่างไรให้กลไกเดินไปข้างหน้าได้ เราไม่ใช่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เราไม่ใช่นักการเมือง เราเป็นทหารและเป็นข้าราชการ เป็นประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ดูก่อนว่าเขาจะมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ อย่าไปดูบุคคลนี้ บุคคลนั้น ไม่มีใครดีที่สุด ไม่ดีที่สุด เอาดีมากกว่าไม่ดี ถ้ามองแต่เรื่องไม่ได้ไม่ต้องคบใครหรอก ไม่ดีมาก ไม่ดีน้อย มองกันไปเรื่อยๆ เกลียดกันไปเรื่อยๆ กลายเป็นไม่มีใครสักคน ฉะนั้นมีดีอยู่คนเดียวคือตัวเองก็ไม่ใช่ ผมว่าอยู่กันไม่ได้ ขอให้ดูผลงานที่จะเกิดขึ้น โดยความร่วมมือของท่าน การบริหารของเรา สิ่งต่างๆที่เราจะทำจะเป็นสิ่งที่ประชาธิปไตยที่ผ่านมาทำไม่ได้ตลอดมา กฎหมายบางอย่างออกไม่ได้เป็น 10-20 ปี บางอย่างไม่ทันสมัย บางอย่างเป็นข้อตกลงที่ทำไม่ได้ เพราะมีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ในการบริหารราชการแผ่นดินต่างๆ ทุกท่านทราบดี ท่านต้องลดเรื่องเหล่านี้ให้ได้ หรือต้องเลิก
สนช. ที่กำหนดมา 200 คน ไม่ใช่ระบบโควต้า ผมไม่อยากให้ใช้คำว่าโควต้า เป็นการให้ทุกพวกทุกฝ่ายเสนอชื่อมา ถ้าไม่บอกว่าเสนอมา ถ้าไม่บอกว่าเสนอมา 10 คน 20 คน มาคัดเลือกกัน ก็จะเสนอมาเป็นพันคน ผมถึงบอกว่าตรงนี้เสนอมา 20 30 40 ทั้งหมดก็มาคัดกัน ท่านก็คอยดูแล้วกันคงไม่ใช้คำว่าโควต้า ให้เสนอมาเพื่อพิจารณาได้เท่าไหร่ไม่รู้เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะต้องพิจารณาในภาพรวม จะมีทหารมากน้อยก็เป็นเรื่องธรรมดา เป็นห้วงที่ไม่ปกติ ถ้าปกติก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม การทำงานในระยะที่ 2 ของ เป็นหัวใจสำคัญในการปฏิรูป เพื่อนำไปสู่จุดสุดท้ายคือการมีรัฐบาลที่ถาวร รัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ที่จะทำ ถ้าตรงกลางเกิดไม่ได้ ตรงปลายก็เกิดไม่ได้ต้องเข้าใจ อย่าตำหนิกันมากนัก รอดูกันวันนี้ยังต้องบริหารราชการแบบไม่ปกติอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ถ้ามีรัฐบาล มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว มี ครม. ถือว่าเป็นประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่เป็นประชาธิปไตยแบบไทยบ้างวันนี้เรานำประชาธิปไตยแบบสากลมามาก อาจจะต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยชั่วคราวไปก่อน อย่างไรก็ตามต่างชาติ ก็ยอมรับมากขึ้นของการเดินสู่ระยะที่ 2 ของเราตรงนี้
นอกจากการคัดคนที่มีความรู้ความสามารถแล้ว ความไว้วางใจ และมีองค์ประกอบหลายๆอย่าง จะต้องเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อจะได้มีการเปิดประชุมสภานิติบัญญัติให้ได้โดยเร็ว เราต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพและตอบสนองภารกิจหลัก คืองานปฏิรูปให้เป็นผลสำเร็จได้ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทุกคนคงจะเข้าใจ ขอร้องเรื่องกฎหมายที่ล้าสมัย เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน การบริหารจัดการ ระบบราชการ การศึกษา กฎหมายกระบวนการยุติธรรม สาธารณสุข หรือเรื่องอื่นๆ 11 เรื่อง อาจจะมากกว่า 11 เรื่องก็ได้ ทั้งหมดก็ต้องไปแก้กันให้ได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงานหลักๆของการปรับปรุงกฎหมายหลักๆ ที่สำคัญทั้งหมดจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะถ้าเราออกกฎหมายไปเร็วๆ บางครั้งการมีส่วนร่วมอาจจะไม่ครบ ฉะนั้นสภาปฏิรูปเป็นคนไปหามาต้องแก้ไขอะไรกันบ้าง ตรงนี้สำคัญ สนช. จะเพียงดำเนินการในเรื่องการปรับปรุงกฎหมายเดิมที่ต้องแก้ไขที่ต้องเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ส่วนรวมและที่เห็นพ้องต้องกันแล้วออกไม่ได้ ก็ต้องออกให้ได้โดยเร็ว ส่วนใหม่ๆ ต้องไปคุยกันเรื่องปฏิรูป หรือจะเสนอกันมา
ในการปฏิรูปนั้น ถึงแม้เราจะมีสภาปฏิรูป คัดมาจาก 550 เหลือ 173 และคัดมาจาก 5 คนในแต่ละจังหวัดให้เหลือจังหวัดละ 1 คนเป็น 73 คน ทั้งหมดคือ 173 บวก 77 จังหวัด เป็น 250 คือยอดของการปฏิรูป 250 ที่มาทั้งหมด นอกจากจะมาพูดคุยกันในสภาปฏิรูปแล้ว แต่ละจังหวัดที่เราไปเปิดศูนย์ปรองดองปฏิรูปตามทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ก็เสนอกันมาได้เสนอผ่านตัวแทนของท่านที่เข้ามา ซึ่งจะเสนอมาโดยนิติบุคคลเป็นคนเสนอรายชื่อเข้ามา และท่านก็สมัครเข้ามา ฉะนั้นในระหว่างที่เขาประชุมกัน ท่านส่งข้อมูลมาได้ ผ่านคนของท่านเข้ามา เราเปิดทุกช่องทาง นี่คือการเตรียมการระยะที่ 1 ไปสู่ระยะที่ 2 ทุกคนยังมีส่วนร่วมได้ตลอดเวลา ในการที่จะไปทำกฎหมาย ในการที่จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นต้น ขอให้ทุกคนเตรียมการให้พร้อม อย่าบอกว่าไม่ชอบไม่เห็นด้วย ไม่เข้ามาดีกว่า เขียนรัฐธรรมนูญชั่วคราวไปแล้ว เราต้องทำตามนั้น คสช. จะไม่เข้าไปชี้นำในสภาปฏิรูป เป็นเรื่องของท่าน ท่านต้องมาทำกันให้ได้ และเราจะเปิดแนะนำวันที่ 9 สิงหาคม 2557 ณ สโมสรกองทัพบกวิภาวดีรังสิต กำลังให้กระทรวงกลาโหมเป็นเจ้าภาพในการแนะนำชี้แจงในวันที่ 9 สิงหาคม 2557 ขอเชิญทุกภาคส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องทั้ง 11 กลุ่มจากตัวแทน หรือใครอยากจะมาร่วมก็เชิญด้วย จะได้มาร่วมมือร่วมใจกัน ในการจะปฏิรูปกันต่อไป
สำหรับความคืบหน้างานด้านเศรษฐกิจ
ภาพรวมความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันนี้เป็นตัวประมาณการ เป็นตัวคาดการ ฉะนั้นอย่าคิดว่าพูดแล้ว พอเวลาลงมาเพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์อย่างประการ สถานการณ์โลก สถานการณ์การสู้รบ สถานการณ์ในโลกตะวัน ตะวันออก เศรษฐกิจโดยรวมว่าอย่างไร มีผลกระทบทั้งสิ้น ไม่ใช่มีวันนี้และต้องมีตลอดไป ทุกคนต้องเข้าใจ ขณะนี้โลกเราวุ่นวาย เราก็อย่าวุ่นวาย เราก็เตรียมการของเราให้พร้อม ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็ต้องแก้ไป ผมไม่อยากจะโทษใคร ให้ทุกคนช่วยกันตั้งหลัก ตั้งตัวให้ได้ ให้พร้อม เข้มแข็งพอที่จะสู้เขา
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจเอกชน เริ่มปรับตัวดีขึ้น ความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรมก็กำลังปรับตัวดีขึ้น ดัชนีคือคาดการ ความเชื่อมั่น หรือตัวชี้วัดที่ออกมาจากตัวเลขต่างๆที่ทำมา ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 88.4 จากระดับ 85.1 ในเดือนพฤษภาคม ดีขึ้นเล็กน้อย ภาพรวมของการดำเนินกิจการต่างๆ เราอำนวยความสะดวกและคล่องตัวให้มากยิ่งขึ้น คำสั่งซื้อในอุตสาหกรรมหลายอุตสาหกรรมเริ่มเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้ากีฬาและรองเท้ากีฬา ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งบ่งชี้ถึงสถานการณ์ในระยะต่อไป เพิ่มขึ้น เป็น 101.9 จากระดับ 101.0 ในเดือน พฤษภาคม
การลงทุนมีสัญญาณดีขึ้นชัดเจน การยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่าน BOI ในช่วงครึ่งปีแรก มีจำนวน 634 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 337,400 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนมีจำนวนสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน เป็นสัญญาณที่ดีว่านักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น คาดว่ายอดขอรับการส่งเสริมฯ ทั้งปี 2557 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ประมาณ 700,000 ล้านบาท คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีมติครั้งที่ 2/2557 อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนจำนวน 15 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 51,526.5 ล้านบาท โครงการที่สำคัญ แก่ได้ ผลิตอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ อีโคคาร์ ซึ่งวันข้างหน้าต่อไปมีความจำเป็นมาก รถยนต์ที่ราคาถูก ซ่อมบำรุงง่าย เป็นต้น รวมทั้งโครงการที่อนุมัติหลังจากตั้งคณะกรรมการชุดใหม่จำนวน 92 โครงการ และคาดว่าจะพิจารณาโครงการที่เหลือแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
เรื่องรถยนต์ บางคนบอกว่าการประกอบการลดลง ก็ลดลง เพราะในห้วงปีที่ผ่านมามีเรื่องโครงการรถยนต์คันแรก คนก็ซื้อกันเป็นจำนวนมาก มีการคืนภาษี บางทีก็มีปัญหาอยู่บ้าง พอไม่มีการสนับสนุนเรื่องรถคันแรกมา ยอดจะตก เป็นการสร้างดีมานเทียม ทุกเรื่องถ้าเราสร้างดีมานเทียม สร้างประชานิยม จะเกิดภาพนี้ขึ้นมา ฉะนั้นจะต้องแก้ปัญหากันต่อไป ต้องไปดูกันให้ละเอียด
การส่งออกในเดือนมิถุนายน ปรับตัวดีขึ้น จากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในปีแล้วมูลค่าส่งออกในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 หลังจากลดลงต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า นี่คือผลของปี 2557 หลังจากเดือนพฤษภาคมมาแล้ว โดยมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 19,842 ล้านดอลลาร์ เมื่อแลกเป็นเงินบาทแล้ว รายได้จากการส่งออกในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมร้อยละ 3.0 สินค้าส่งออกขยายตัว ทั้งสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เดือนนี้การส่งออกสินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ที่ผ่านมา จากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผัก ผลไม้สด แช่แข็งและแปรรูป และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก และวัสดุก่อสร้าง สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปีจะขยายตัวร้อยละ 1.5 สภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ร้อยละ 2 เป็นตัวเลขในการคาดการณ์ อาจจะสูงขึ้นหรือต่ำลง แล้วแต่สถานการณ์เศรษฐกิจภายนอกด้วย
ที่ประชุม คสช. ได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 งบกลางจำนวน 835.9 ล้านบาทเศษ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงถนนที่ชำรุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังคงไม่ได้ดำเนินการ การปรับปรุงถนนที่ชำรุดในครั้งนี้ จะเป็นการนำร่องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยการใช้ยางธรรมชาติผสมยางมะตอย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นบ้าง แต่มีความทนทานกว่าปกติ 2-3 เท่า และมีอายุการใช้งานนานกว่า 2 เท่า จะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาถนน สร้างแพงรักษาง่ายใช้ได้นานน่าจะดีขึ้น และเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราที่เรามีอยู่มากมายประเทศ แก้ปัญหาผลผลิตยางที่ล้นตลาดในสต๊อกมีอยู่มากพอสมควร เพื่อจะทำให้ราคายางไม่ตกต่ำ และให้กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวงชนบทไปศึกษาความเป็นไปได้ที่จะสามารถนำผลผลิตจากพี่น้องชาวสวนยางในประเทศ ไปดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงถนนในพื้นที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอิฐบล๊อก แผ่นปูถนน จะต้องไปพัฒนาเพื่อจะเพิ่มมูลค่าของยางที่เรามีอยู่จำนวนมากในขณะนี้ เดี๋ยวราคาก็ตกต่ำอีก ถ้าเราไม่แก้ไข ได้ไปพิจารณาไปทำตัวหนอนปูพื้น การใช้เป็นวัตถุดิบในการก่อสร้างสนามฟุตซอล อันนี้ก็ทำได้เท่าที่ได้รับรายงานมาได้สั่งการไปแล้วให้นำไปพิจารณาดำเนินการโดยด่วน
เรื่องการแก้ปัญหาราคายางนั้นเราได้ให้ความสำคัญ พี่น้องเขาเรียกร้องมาอยู่เสมอ และเป็นปัญหาทุกปี ข้าว ยาง ปาล์ม อ้อย มันสำปะหลัง พอถึงเวลา Subsidize กันไป เดี๋ยวปีหน้าก็เป็นใหม่ เพราะว่านโยบายไม่ชัดเจน การบริหารก็ทำไม่ได้อย่างที่แผนงานที่วางไว้ ฉะนั้นทุกอย่างที่เป็นปัญหาที่ซ้ำซากเหล่านี้ ต้องมีแผนงานที่ชัดเจน มีroad map ในการแก้ปัญหาระยะสั้น ระยะยาว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เกษตรกรต้องร่วมมือกับเรา ถ้าท่านยังปลูกอย่างที่ท่านจะปลูก ก็จะต้องเสียหาย เพราะว่าแล้งซ้ำซาก ถ้าท่านไม่โซนสิ่งเลย ก็ล้นจะตลาด มีปัญหาทั้งสิ้น ฉะนั้นอะไรที่ช่วยได้ ก็จะช่วยไปก่อน แต่การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบพี่น้องเกษตรกรทุกคนต้องร่วมมือกับเรา และทุกคนต้องร่วมกันเฉลี่ยแบ่งปันกำไร ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ที่จะให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตมากขึ้น รัฐต้องไปดูแลในเรื่องของการควบคุมพื้นที่ไม่ให้มีการปลูกอย่างยางอย่างไม่จำกัดในอดีตที่ผ่านมามีนโยบายรัฐบาลกำหนดไป พอราคายางสูงก็ปลูกกันมาก บุกรุกบ้าง ไม่บุกรุกบ้าง
วันนี้ต้องตีกรอบให้ได้ชัดเจน มีการร้องเรียนอีกแน่นอน ฉะนั้นต้องช่วยกัน ท่านต้องไปปลูกอย่างอื่นบ้าง น้ำไม่มีท่านจะไปปลูกข้าวทำไม บางพื้นที่ปลูกข้าวปีละ 4 ครั้ง ผมก็ดีใจคิดว่าเกษตรกรรวย เปล่า ปลูก 4 ครั้งได้ครั้งเดียว ที่เหลือ 3 ครั้งตายหมด ท่านต้องร่วมมือกันแก้ไขกับเรา รัฐบอกอะไรก็ทำ อันนี้เป็นประโยชน์กับทุกพวก ทุกฝ่าย คนที่จำหน่ายต้นกล้า ปุ๋ย วัสดุอื่นๆ ต้องช่วยกันลดราคา อย่าเอากำไรมากนัก อย่ามีปุ๋ยปลอม ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มาก ผมทราบว่าได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ฉะต้องช่วยกันทำทุกอย่างให้โตไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ข้าวดี ผลผลิตการเกษตรดี แต่อย่างอื่นล้มเหลว ไม่ได้ต้องไปด้วยกัน ต้องเฉลี่ยกำไรกัน ภาคผลิต ภาคขนส่ง ภาคแปรรูปต่างๆ การตลาดต้องลดลงบ้าง ถ้าทุกคนจะเอารวยกันหมด ก็ไปไม่ได้ หรือประชานิยมอย่างเดียวก็ไม่ได้ ถ้ากลไกตลาดมากๆ ต้องดูว่าตลาดในประเทศว่าอย่างไร ต่างประเทศว่าอย่างไรประชาชนรายได้น้อยจะทำอย่างไร ต้องดูให้ครบระบบ วันนี้ได้สั่งการให้ส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล วางแผน กำหนดมาตรการ อย่างยั่งยืน ปัจจัยการผลิต การส่งเสริมการตลาด การเพิ่มปริมาณการนำวัตถุดิบมาใช้ภายในประเทศ การส่งเสริมอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพารา การควบคุมพื้นที่ และไม่ให้มีการบุกรุกแผ้วถางเพิ่มเติม ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงเกษตรกรบางคน บางกลุ่มที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองด้วย
ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่ผ่านมาหลายเดือนแล้วจนถึงเดือนสิงหาคม 2557 ยังไม่ได้รับการแก้ไข มีผลกระทบให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ประสบความเดือดร้อน คสช. ได้เห็นชอบและอนุมัติ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการนำเข้าข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลง ทุกอย่างอยู่ในข้อตกลง ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนและภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก หรือ WTO ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณข้าวโพดมีน้อย ในช่วงนี้ ไม่เพียงพอกับความต้องการ มีราคาสูง ส่งผลกระทบต่อราคาอาหารสัตว์ในช่วงเวลานี้ รวมทั้งเพื่อรองรับผลผลิตของผู้ไปลงทุนปลูกข้าวโพดในประเทศ เพื่อนบ้านด้วย
เมื่อวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช. ในฐานะทูตพิเศษ ได้เดินทางไปส่งสารถึงประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ของจีน ผ่านรองประธานาธิบดี ณ ศาลามหาประชาชนกรุงปักกิ่ง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางด้านการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุน ทราบว่าทางจีนยินดีที่จะช่วยเหลือในการหาตลาดรองรับสำหรับสินค้าทางการเกษตรต่างๆ ของไทย เช่น ข้าว ยางพารา ผลไม้ รวมทั้งสินค้าอื่นด้วย ต้องมีการพูดคุย ทำข้อตกลงกันต่อไป โดยใช้หลักการไว้วางใจซึ่งกันและกัน เท่าเทียม เป็นธรรม กับประเทศผู้ค้า
การแก้ไขปัญหาเรื่องข้าว เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ทางพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้รายงานมีการประชุมได้รายงานให้ทราบว่า ในการประชุม นบข. มีการเห็นชอบยุทธศาสตร์เพิ่มเติมในการผลิตข้าวของไทย ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ด้านการผลิตและด้านการตลาด มุ่งหวังให้เกษตรกรผลิตข้าวคุณภาพดี และขายได้ในราคาเหมาะสม โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณข้าวรายงานให้ทราบ วันนี้จากการตรวจสอบ ทางกายภาพของข้าวทั่วประเทศตามโกดังต่างๆ ไปแล้ว 1,290 แห่ง จากที่มีทั้งหมด 1,787 แห่ง ซึ่งคิดเป็น 72% ใน 72% ที่ตรวจสอบไปแล้วประมาณ 80% มีคุณภาพดีและถูกต้อง และอีกประมาณ 10% ที่ยังมีปัญหาอยู่ ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้และเสื่อมคุณภาพ ตัวเลขตัวนี้ บางคนบอกว่าทำไมน้อย จะมากหรือน้อยเป็นไปตามข้อมูลที่ให้มา ข้อมูลให้มาตอนเริ่มตรวจสอบ เราไปตรวจสอบเพื่อจะระบายข้าว เมื่อไปตรวจสอบได้ไปพบว่ายอดที่ให้มา กับในคลังไม่ตรงกัน ไปดูว่าไม่ตรงกันเพราะอะไร เสื่อมสภาพเท่า ตรงไหนผิด ตรงไหนถูก ก็ไปดำเนินคดี อันนี้แค่ปลายเหตุ ที่ตรวจสอบข้าว ผมว่ามีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง จะผิดจะถูกไปว่ากันอีกที อย่าเพิ่งมาจับผิดกันตรงนี้ นี่คือการกระทำตรวจสอบที่ปลายเหตุ
เรื่องจำนวนข้าว เราต้องอย่าลืมว่า เราน่าจะดีใจที่ข้าวเสียน้อย แต่ถ้าเสียมากมูลค่าก็ลดลง ราคาก็ตก ของเสีย ขายไม่ได้เงิน เราจะเสียหาย รัฐจะไม่ได้เงินคืน เรื่องการทุจริตผิดกฎหมายไปว่าในกันในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การรับจำนำ ใบประทวน การเก็บรักษา ค่าเช่าโกดัง โควต้าราคาขาย ไปว่ากัน อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบทั้งหมด ถ้าผิดทุกขั้นตอน ก็มีคนผิดทุกขั้นตอน ถ้าข้าวไม่ครบ คนที่รับผิดชอบในส่วนนี้ก็รับผิดชอบไป ถ้าในขั้นตอนการขายคนที่ขายก็รับผิดชอบไป หรือการรับจำนำข้าวบกพร่อง ทุจริตก็รับผิดชอบ บางคนอาจต้องรับผิดชอบตั้งแต่ต้นก็ได้ แล้วแต่กระบวนการยุติธรรม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) สอบอยู่ ทางเราต้องตรวจสอบเพื่อการที่จะระบายข้าว อันนี้ขอให้ทุกคนเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง อย่าตำหนิต่อว่ากันเลย หรือว่าสงสัย คสช.ว่าตรวจรู้ได้อย่างไร 10% เพราะคนตรวจเป็น 100 คน บางคนบอกว่าไปตรวจทั่วหรือไม่ ไปดูทุกที่ ทุกที่ก็เจาะและสุ่ม มีวิธีไหนหรือไม่ที่จะไปตรวจข้าวประมาณ 1 ล้านกระสอบ โดยที่ต้องเจาะทุกกระสอบ ทำได้หรือไม่
เรื่องวินัยการเงินการคลัง คสช. รับทราบและจะรักษาวินัยการเงินการคลังให้ได้ วันนี้อนุมัติไปมากเป็นเรื่องของกระทรวง ทบวง กรม ที่จะนำไปบริหารไปทำให้องค์กร เราพยายามที่จะทำอย่างไรให้รายได้ในองค์กรตรงนี้ไม่ให้เสียวินัย ไม่เกิดหนี้สาธารณะ ในการที่เราเข้ามาในช่วงนี้ จะมีการตรวจสอบและให้มีการปรับปรุงแผนข้อมูล ปรับปรุงแผนในการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2557 ครั้งที่ 2 ที่วงเงินปรับลดลง 6,314.74 ล้านบาท จากผลของการเข้าไปตรวจสอบและตัดลดโครงการต่างๆ ที่พบว่าไม่คุ้มค่า ซึ่งได้เงินมาประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราหยุดทั้งหมด เรื่องการลงทุนจะไม่เกิด ต้องทำให้อะไรต่างๆ บริสุทธิ์ คุ้มค่า และเราก็จะอนุมัติเหมือนเดิม เพียงต้องปรับ (Term of Reference) TOR ปรับราคาให้ ปรับสิ่งต่างๆ ให้เกิดความเป็นธรรม ให้เกิดความถูกต้อง ตรงนี้จะไม่มีใครได้ประโยชน์ ตรงนี้ผมถือว่าเป็นเรื่องยาก ถ้าเราไม่ไปเรียกผลประโยชน์ เราน่าจะสามารถกำกับได้ และคนที่ลากเข้าไปก็ต้องกำกับของตัวเองเช่นกัน ฉะนั้นกว่าที่จะถึงคนที่ใช้งาน ไม่ทราบว่าจะกี่ขั้น เพราะฉะนั้นคนที่ใช้งานชั้นล่าง ประชาชนต้องช่วยกันสอดส่องดูแล ถ้าเกิดปัญหาสามารถแจ้งมาที่ คสช. วันนี้เราลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานการจัดหารถเมล์ การซ่อมทางรถไฟ การจัดหัวรถจักร ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนทั้งนั้น ซึ่งค้างมานาน เป็นแรมเดือน เป็นแรมปี อันไหนที่สามารถทำได้ก็ทำไป แต่ต้องโปร่งใส
ด้านความมั่นคง หลังจากการต้อนรับ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) สิงคโปร์ เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ในสัปดาห์นี้เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ก็ได้ให้การต้อนรับ ผู้บัญชาการทหารบกสิงคโปร์ เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เนื่องในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางด้านความมั่นคง ความร่วมมือทางการทหาร และการฝึกร่วมของ 2 ประเทศ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกสิงคโปร์ ได้ยืนยันถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพที่ดีมาอย่างยาวนานร่วมกัน และมีความเข้าใจสถานการณ์ในไทย ซึ่งต่างฝ่ายต่างเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเขาเป็น สมาร์ทเนชั่น ทำเพื่อGeneration ที่ 3 ของสิงคโปร์ ซึ่งของเราก็เช่นกัน ได้มีแผนงานกองทัพเหมือนกัน 3 ระยะ เป็นห้วงเวลาเช่นกัน สรุปคือ ทุกประเทศจะทำเพื่อลูกหลานเพื่อคนรุ่นใหม่ทั้งนั้น ถ้าเกิดเราไม่ทำคงไม่มีใครมาทำให้ ฉะนั้น เขาได้ขอบคุณประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนเขาทางด้านการทหารกับสิงคโปร์มอย่างต่อเนื่องและพร้อมที่จะร่วมมือกับเราในเรื่องพัฒนาความสัมพันธ์ ในทุกด้านไปสู่ความยั่งยืน มีเสถียรภาพและพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 ทาง คสช. ได้ให้การต้อนรับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา พร้อมคณะนายทหารระดับสูงทุกเหล่าทัพ ได้เดินทางมาในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหม เพื่อเสริมสร้างกระชับความสัมพันธ์ด้านการทหาร ด้านความมั่นคง ระหว่างไทยและกัมพูชา พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ คสช. ด้วย และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ได้สั่งการมาว่า ให้มาเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้ความร่วมมือด้านการทหารให้แน่นแฟ้นขึ้น ทาง คสช. ขอบคุณท่านนายกฯ ฮุนเซน พร้อมทั้ง แสดงความซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี และฝากขอบพระคุณไปยังคนกัมพูชาทุกคนด้วย ที่ได้ดูแลช่วยเหลือให้นายวีระ สมความคิด ได้รับการอภัยโทษ เราได้มีการพูดคุยถึงความสัมพันธ์ที่ดี ในฐานะมหามิตรมายังยาวนานของทั้งสองประเทศ รวมถึงประเทศอื่นๆ ในอาเซียนด้วย เราสัญญากันว่า เราจะร่วมมือกันเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง จากปัญหาชายแดนที่มีอยู่และร่วมกันพัฒนาความร่วมมือ ทั้งทางด้านการค้าการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ด้วย มีแผนงานในปีนี้และปีหน้าและปีต่อๆ ไปในทุกด้านของประทศ เรามีเส้นเขตแดนกว่า 5,600 กิโลเมตร ที่เราต้องดูแลใน 5,600 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมต่อหลายๆ ประเทศที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน บางด้าน เช่นทางภาคเหนือจะเชื่อมไปถึงจีน อินเดีย ภาคใต้ลงไปสิงคโปร์ มาเลเซีย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปลาว ไปพม่า มีรอบประเทศเราเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อ ซึ่งเราต้องใช้ในสิ่งที่เรากำลังเป็นอยู่นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ความคืบหน้าการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ฝ่ายความมั่นคง คสช. โดยคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.)ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อต่อเนื่อง ปัจจุบันได้เปิดศูนย์ประสานงานแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ และศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ แล้วดังนี้ ศูนย์ประสานงานรับแรงงานกัมพูชากลับเข้าทำงาน จำนวน 4 จังหวัด (สระแก้ว จันทบุรี ตราด และสุรินทร์) ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จของ กทม. จำนวน 6 แห่ง จังหวัดชายทะเล 22 แห่ง (เช่น กระบี่ จันทบุรี ชุมพร ตราด ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระนอง สตูล และสมุทรสงคราม) ได้ดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวไปแล้ว 354,617 คน แยกเป็น แรงงานพม่า 127,695 คน กัมพูชา 176,169 คน ลาว 50,753 คน และจะดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จให้ครบทุกจังหวัดโดยเร็ว ในสัปดาห์หน้าจะเปิดศูนย์ฯ เพิ่มเติมอีก 53 แห่ง ทั้งนี้ แรงงานต่างด้าวจะต้องมาขึ้นทะเบียนที่ศูนย์จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ ภายใน 31 ตุลาคม 2557
สำหรับในวันที่ 23 - 24 กรกฎาคม 2557 เสธ.ทหาร ประธานอำนวยการ กนร. ได้ไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จใน 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ระนอง และสงขลา ซึ่งมีผลปฏิบัติงานเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ แรงงานพึงพอใจ
สำหรับการช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ซึ่งมีอยู่ประมาณ 27,000 คน แต่ทำงานอยู่ในฉนวนกาซ่า 4,276 คน กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้ประสานกับทางการอิสราเอลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่ออพยพแรงงานดังกล่าว ออกมาจากพื้นที่การสู้รบมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว และได้กำหนดมาตรการในการอพยพแรงงานไทยทั้งหมดหากมีความจำเป็นไว้แล้ว และได้กำหนดมาตรการในการอพยพแรงงานไทยทั้งหมด หากมีความจำเป็นกลับมาสู่ประเทศไทย ส่วนน้อยขอที่จะกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะขออยู่ในประเทศไปก่อนเพื่อประเมินสถานการณ์ ซึ่งต้องเห็นใจเนื่องจากต้องไปหาเงินเลี้ยงครอบครัวแต่ต้องปลอดภัย เนื่องจากได้ฝากเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดูแลประสานงานอย่างใกล้ชิด
สำหรับสถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบอีกหนึ่งที่คือในลิเบีย สถานเอกอัครราชทูตจะเปิดศูนย์รองรับแรงงานอพยพชาวไทย ที่เมืองตูบาร์ ประเทศตูนีเซีย ใกล้ชายแดนห่างกรุงตริโปลี 170 กิโลเมตร ตั้งแต่บ่ายวันนี้ โดยระยะแรก เอกอัครราชทูตจะไปดูแลอย่างใกล้ชิด คนไทยที่อพยพกลับสามารถตรงไปที่เมืองตูบาร์ หรือจะมารวมตัวที่สถานเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงตริโปลี สำหรับในไทย กระทรวงการต่างประเทศจะตั้งศูนย์ติดตามและช่วยเหลือ อประสานงาน มีอธิบดีกรมเอเชียใต้ รับผิดชอบขึ้นตรงกับศูนย์ติดตามของฝ่ายความมั่นคงและศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ณ กองบัญชาการกองทัพไทยและเราได้จัดเตรียมเครื่องบินกองทัพอากาศ ซี130 ไว้ในยามฉุกเฉิน ซึ่งเราหวังแต่เพียงว่าอยากให้ทั้งสถานการณ์ของทั้ง 2 ประทศกลับมาสงบสุขและปลอดภัยได้โดยเร็ว เพราะสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นเกิดแต่ผลเสียทั้งสิ้น คนกันเองรบกันเองก็จะอยู่แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉะนั้นเมืองไทยโชคดีแล้วที่ไม่เกิดเรื่องแบบนี้
เรื่องการดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างประเทศ คสช. ได้เห็นชอบให้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (PCA) และเป็นประเด็นที่ไทยผลักดันในการเจรจาความตกลงการค้าเสรี(FTA) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป และให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาให้ครบถ้วนถึงรายการที่ไทยต้องจดลิขสิทธิ์ ที่ผมให้เพิ่มเติมไป เช่น ศิลปวัฒนธรรม วัฒนธรรมไทยต่างๆ การเกษตร ภูมิปัญญาท้องถิ่น และงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยที่เราคิดมาบางอย่างได้คิดมาแล้ว แต่เราไม่ได้ทำต่อซึ่งต่างชาติได้มาเอาไปพร้อมทั้งต่อยอดมาและนำกลับมาขายให้เรา ตรงนี้ผมว่าเราต้องจดทะเบียนให้ได้โดยเร็วทุกเรื่อง ทุกด้าน ต้องช่วยกันเราต้องไม่ไปลอกเขา เราต้องคิดเองเนื่องจากผิดกฎหมาย
เรื่องต่อไป คสช. เห็นชอบถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลีและญี่ปุ่น เพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ที่จะสานต่อความร่วมมือและรับมือแผนการปฏิบัติการ (ปี 2557-2559) ในเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน การพัฒนาที่ยั่งยืน การพัฒนาที่มุ่งเน้นประชาชน นอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจแล้ว คสช. ให้กระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาเพิ่มเติม เรื่องประชุมแม่น้ำโขง เราจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศสมาชิกที่มีดินแดนติดต่อกับแม่น้ำโขงจะต้องได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน ในการใช้ลำน้ำโขง ใช้น้ำในแม่น้ำ การก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำของแต่ละประเทศที่อยู่ตอนบน ทำให้ผู้ใช้น้ำตอนใต้ได้รับผลกระทบ อาจจะเกิดน้ำท่วม อาจจะเกิดน้ำแล้ง ทั้งคู่ซึ่งอยากจะขอร้องให้คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนด้วยและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เพราะว่าน้ำเป็นปัจจัยหลักของสิ่งมีชีวิต ฉะนั้นถ้าเราเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนได้ใช้น้ำอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีในการพูดคุยกันต่อไป
เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย ผลการปฏิบัติงานของ คสช. ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน - 29 กรกฎาคม 2557 ได้มีการจับกุมคดีอาวุธสงครามปืนยาว ปืนสั้น รวมประมาณ 1,700 กระบอก กระสุนปืนกว่า 10,000 นัด ลูกระเบิดขว้าง 45 รูป ระเบิดยิง 19 ลูก สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องแล้วจำนวน 2,774 คน ในส่วนนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจำนวน 8 ครั้ง ผู้ต้องหา 12 คน ของกลางประกอบด้วย ปืนกลชนิดต่างๆ จำนวน 11 กระบอก ปืนยาวและปืนลูกซอง 3 กระบอก ปืนพก 21 กระบอก เครื่องยิงจรวด RPG 1 เครื่อง ลูกระเบิดชนิดต่างๆ 24 ลูก กระสุนระเบิด เอ็ม 79 19 นัด ลูกจรวด RPG 3 ลูก และยุทธภัณฑ์อื่นๆ การจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนัน และการจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ ยังคงดำเนินการจอย่างต่อเนื่อง และมีผลปฏิบัติอย่างมากมาย
ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม -25 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผลการดำเนินการที่สำคัญ คือ การจับกุมบ่อนการพนัน และการลักลอบเล่นการพนัน จำนวน 12,782 คดี ผู้ต้องหา 22,752 ราย ของกลาง อาทิ ตู้พนัน ( ตู้ม้า ตู้ไฟฟ้า ตู้ดีดลูกแก้ว ) จำนวน 4,043 ตู้ และของกลางประเภทไพ่ อุปกรณ์การเล่นไฮโล สลากกินรวบ จำนวนมาก การจับกุมยาเสพติด จำนวน 66,657 คดี ผู้ต้องหา 70,635 ราย ของกลางประกอบด้วย ยาบ้า จำนวน 83,218,736.95 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 1,125.59 กิโลกรัม เฮโรอีน จำนวน 369.11 กิโลกรัม กัญชาอบแห้งจำนวน 22,644.70 กิโลกรัม พืชกระท่อม จำนวน 38,738.49 กิโลกรัม ฝิ่น จำนวน 109.54 กิโลกรัม โคเคน จำนวน 31.17 กิโลกรัม ซูโดอีเฟดรีน จำนวน 229,850 เม็ด และยาแก้ไอ จำนวน 334.32 กิโลกรัม การจับกุมการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และป่าไม้ จำนวน 987 คดี ของกลางประกอบด้วย ไม้พะยูง จำนวน 4,197 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่า 630,274,643 บาท ไม้สัก จำนวน 580 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่า 15,953,500 บาท และไม้กระยาเลย จำนวน 1,904 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่า 29,420,197 บาท
สำหรับการดำเนินการจับกุมดำเนินคดีต่างๆ นั้น เรียนว่า คสช. ไม่สามารถที่จะบังคับจับใครก่อนใครหลังได้ หรือเลือกรายเล็กรายใหญ่ ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่การแจ้งความ การสืบสวนสอบสวนไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายทั้งสิ้น ไม่มีการเลือกข้าง เลือกฝ่าย ไม่มีปลาใหญ่ ปลาเล็ก แบบนั้นไม่มี ซึ่งเห็นมีการวิภาควิจารณ์กันมากมาย ทุกอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายกฎหมายค่อยๆ ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมต้องเสีย ซึ่งทำเป็นขั้นเป็นตอนกันต่อไป ใครไม่อยากโดนจับ ไม่อยากถูกว่าเป็นฝ่ายไหนก็อย่าไปทำ ถ้าทำต้องโดนจับ
ส่วนฝ่ายกฎหมาย องค์กรตามกระบวนการยุติธรรมต่าง ๆ เราเคยพูดคุยกันไปแล้วว่ายังไม่ควรสรุปอะไรล่วงหน้า ซึ่งชี้แจงเฉพาะผลที่ได้ดำเนินการไป เรื่องผลสรุปต่างๆ ว่าใครจะผิดจะถูกจะได้เข้าไปในขั้นตอนให้เรียบร้อยจะได้ไปชี้ถูกชี้ผิดให้ชัดเจนขึ้น และได้ข้อยุติที่ทุกคนยอมรับ และทุกคนต้องยอมรับว่าการทำความผิดต้องถูกมีโทษ ดำเนินคดี อย่าให้เขามาตอบโต้ได้ว่าไม่ชอบธรรม ฉะนั้นต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คสช. ได้ระมัดระวังตัวอยู่ตลอด ทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวังเรื่องนี้ด้วย
เรื่องการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( จชต.) นั้น ก่อนอื่นอยากให้คนไทยทุกคนเข้าใจเพราะวันนี้ได้ทำให้ทุกคนอึดอัดใจ คสช. นั้น ได้ทำงานหน่วยงานความมั่นคง เขาก็ทำงาน ซึ่งทำงานอยู่ทุกคน ประชาชนก็เสี่ยงภัย แต่ผมเรียนว่าวันนี้ผมอยากพูดอีกครั้งให้คนไทยเข้าใจว่า วันนี้ฝ่ายผู้ก่อเหตุเขาใช้ประเด็นอะไรในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ประเด็นคือ อ้างความเป็นอัตลักษณ์ ศาสนา ความไม่ชอบธรรม ประวัติศาสตร์ ชาติพันธ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ง่ายต่อการปลุกระดมคนขึ้นมาต่อสู้ เมื่อมีการต่อสู้เพื่อไปสู่อิสรเสรีภาพ ตามที่เขาต้องการ
เมื่อมีการต่อสู้ด้วยอาวุธต้องบังคับมีการบังคับใช้กฎหมาย จะต้องมีการปะทะกัน มีการบาดเจ็บสูญเสียทั้งประชาชน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จนกำลังในพื้นที่ดูแลไม่ได้ เฉพาะต้องใช้กำลังทหารเพิ่มเติม รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ ในการจัดกำลังทหารลงไปเพิ่มเติมในพื้นที่ที่เกิดความไม่เรียบร้อยมีอันตรายกับประชาชนซึ่งทุกประเทศเขาต้องทำ จะมาบอกว่าเราไม่ต้องเอาทหารลงไปเขาจะได้เลิกรบ ผมถือว่าไม่ใช่หลักการในการคิด เพราะทั้งโลกเขาคิดแบบนั้น
ฉะนั้น การที่นำกองกำลังทหาร ตำรวจ ไปลงพื้นที่เพิ่มเติมเพราะว่า ในพื้นที่เขารับไม่ได้ รับไม่ไปเพราะอะไร เนื่องจากพื้นที่เรากว้างถึง 37 อำเภอ 2,000 กว่าหมู่บ้าน และถ้าเขาทำได้ทุกที่ เราจะต้องนำคนดูทุกพื้นที่ ทั้งพื้นที่ที่แรง แรงมาก แรงน้อย ต้องมีคนอยู่ ถ้าไม่มีคนอยู่เผลอตรงจุดไหนเขาจะทำตรงนั้น เป็นแบบนั้นเราถึงต้องเตือนคนมาก ที่ไปอยู่ไม่ใช่ว่าต้องการอยากจะได้เงินได้เบี้ยเลี้ยง ผมคิดว่าไม่มีใครอยากจะไปอยู่ไกลบ้าน ทหารก็ไม่ได้อยากไปไกลแต่เขาต้องไปเพราะว่ามีหน้าที่ จัดคนไปเขาต้องไป เขาไปดูคน 2 ล้านคน ใน 37 อำเภอหรือ 2,000 หมู่บ้าน ให้ปลอดภัยทั้งหมด และทำให้เต็มที่ใน 37 อำเภอหรือ 2,000 หมู่บ้านซึ่งเกิดเฉพาะบางอำเภอแต่เราจะทำเฉพาะบางอำเภอไม่ได้ตรงไหนที่มีช่องว่าง เขาทำตรงนั้นอีก
ดังนั้น จึงต้องใช้กฎระเบียบเดียวกันทั้งใน 37 อำเภอ หรือ 2,000 หมู่บ้าน จึงต้องใช้จำนวนคนเข้าไปดูแลหลายหมื่นคนในการทำงาน โรงเรียนมีกี่โรง ถนนเส้นทางมีกี่กิโลเมตร มีกี่เส้นทาง พื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยมีเท่าไหร่บ้าง ครูมีมากเท่าไหร่ซึ่งต้องนำทหาร นำตำรวจไปเพิ่มเติม ไปดูแลให้ทั้งหมด แน่นอนว่าการดูแลจะต้องมีจุดบกพร่อง ต้องมีช่องว่างอย่างแน่นอน เพราะเราลงไปทำงาน เรามีแผนงาน มีการสืบ แต่ผมถามว่าการที่นำทหารลงไปในพื้นที่ 30,000 – 40,000 คน รวมทั้งมีตำรวจเพิ่มเติมลงไปด้วยรวมกับพื้นที่ที่แล้วรวมเป็น 40,000 – 50,000 คน ถ้าเปรียบเทียบไปแล้ว 37 อำเภอหรือ 2,000 หมู่บ้าน จะเหลือไม่เท่าไหร่ สัดส่วนต่อในพื้นที่และต่อคนที่ไปดูแลอีก 2 ล้าน ใน 2 ล้านคนมีชาวมุสลิม ประมาณ 1,800,000– 1,900,000 คน ตัวเลขขึ้นมาเรื่อยๆ ในส่วนของคนไทย ประมาณ 2 – 3 แสนคน ฉะนั้นจะทำอย่างไรให้คน 2 ล้านเศษนั้นปลอดภัย ดังนั้นจึงต้องนำทหารที่มี ตำรวจที่มีอยู่ไปไปดูแลทั้งหมดทุกพื้นที่ ทุกเส้นทาง ขณะเดียวกันวันนี้เราได้ถูกแอบอ้างว่า เมื่อลงพื้นที่ไปแล้วทำให้เกิดความวุ่นวาย เกิดการสูญเสีย ประชาชนไม่พอใจ
ผมถามว่าประชาชนเขาต้องการอะไรซึ่งมีคนไม่กี่กลุ่มที่ไม่ต้องการให้ไปดูแลเขา ผมว่าไม่ใช่หลักการคิดที่ถูกต้อง เมื่อเราพูดคุยกันมากขึ้นจะเกิดการจับกุมในคดีมากขึ้นตามไปด้วย มีการปะทะมากขึ้น อีกฝ่ายก็นำไปขยายความว่าเราไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งที่เราไปใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง เราไม่ได้เข้าไปละเมิดอะไร ใช้กฎหมายทั้งสิ้น สืบสวน สอบสวน ดำเนินคดีปิดล้อมตรวจค้นตามเป้าหมายเรื่องของการต่อสู้ในเชิงการเมืองด้วย ในเชิงลักษณะแบ่งแยกดินแดน ซึ่งหาหลักฐานยากมาก เหมือนเป็นการใช้วิธีการก่อความไม่สงบ เราไม่อยากจะพูดให้มีผลกระทบในวงกว้าง ฉะนั้นปัญหาของบ้านเราจะต้องแก้ไขที่บ้านเรา ไม่ต้องไปพูดโฆษณาให้คนเขาทราบ เขาเห็นมากนัก เนื่องจากบางทีเขาทำแค่นี้เขาไม่ต้องการอะไรนอกจากต้องการให้คนได้เห็น ให้คนกลัวเขา เจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้ รัฐเกิดความล้มเหลว ประเดี๋ยวต่างชาติมาช่วยเขาเพราะเขาไม่มีกำลังที่จะมาสู้กับเรา เขาจึงใช้วิธีนี้ และบางทีเราไม่เข้าใจหลักการทำงานเขาซึ่งเกิดการกดดันกันเอง บางอย่างสื่อได้เป็นห่วง ผมเข้าใจในความห่วงใย ในประชาชน ในเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ผมก็เป็นห่วงมากเพราะเป็นคนรักษาประชาธิปไตย
เมื่อเกิดการบาดเจ็บสูญเสียผมต้องดูแลครอบครัว เขาถือว่าเป็นความผูกพันของระบบทหารต่อทหารด้วยกัน ตำรวจต่อตำรวจด้วยกัน ข้าราชการทุกคน บาดเจ็บล้มตาย ผมเสียใจทั้งหมด เพราะเราเป็นคนมอบหมายให้เขาไปทำหน้าที่ตรงนั้น แต่ถ้ามอบหมายแล้วเขาไม่ไปถึงจะเป็นอีกเรื่อง วันนี้เขาไปถือว่า เขารักชาติรักแผ่นดิน ยังเชื่อฟังคำสั่งเราซึ่งน่าจะดีใจกับตรงนั้น และไม่ใช่ว่าตายไปก็ช่างไม่เป็นไร ซึ่งสวดมนต์ให้เขาทุกวัน อธิษฐานให้เขาปลอดภัย ให้เขามีความสุข ให้เขาทำงานได้ดี ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้เข้าใจในหลักการทำงาน
ฉะนั้นบางครั้งการที่เข้าไปดูแล ในพื้นที่มีความกว้างคนมีจำนวนมาก การสัญจรไปมาปกติ การเคอร์ฟิวต่างๆไม่ได้เข้มงวด เพราะว่าคนในภาคใต้เขามีอาชีพในเรื่องของการเกี่ยวกับการยางพารา เดินทางออกไปกรีดยาง ไปทำมาหากินบ้านไกล กลับบ้านค่ำ ชาวบ้านต้องไปกรีดยางพาราตอนตี 3 ตี 4 ถ้าไปเคอร์ฟิวมากชาวบ้านจะเดือดร้อนมีปัญหาในการทำมาหากิน ซึ่งความรุนแรงจะเกิดเฉพาะในบางพื้นที่ทั้งเขตเมือง เขตป่าเขา เขตชนบท มีทั้งหมดตรงไหนมีช่องว่างก็ทำตรงนั้น นี้คือสิ่งที่เป็นความเลวร้ายและทำให้เราแยกแยะคนร้ายออกมาได้ไม่ชัดเจน เพราะเราไม่ได้ห้ามขาด ห้ามคนสัญจรไปมาไม่ได้ ทุกคนเดินเข้ามาในความปกติ ทุกคนต้องเสรีภาพ และทุกคนต้องการความปลอดภัย ไม่มีประเทศไหนที่ทำได้แต่เราทำได้ ผมถือว่าเต็มที่แล้ว ฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน
สื่อต้องระมัดระวังการเสนอนำข่าว ผมไม่ได้บอกว่าให้ท่านต้องปิดบัง แต่ไม่ต้องไปเผยแพร่ซ้ำบ่อยๆ เนื่องจากการแพร่ซ้ำถือว่าเป็นการเปิดพื้นที่ข่าวให้กับเขา เขาต้องการให้ต่างชาติรับรู้ ต้องการให้คนมากดดันเจ้าหน้าที่ กดดันรัฐ ผมถามกลับว่าเขาทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่ในระหว่างนี้ เราทำในส่วนของการแบ่งพื้นที่ในการใช้กำลัง ในการเสริมสร้างกำลังลงไปในการเพิ่มมาตรการด้านการข่าว การดำเนินการด้านกฎหมายทั้งหมดถ้าประชาชน เจ้าหน้าที่ก็ตาย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ และยังบอกเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่บาดเจ็บฉะนั้นประชาชนจะปลอดภัยได้อย่างไร ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเกิดการบาดเจ็บล้มตายต้องไปดูแลท่านก่อน เมื่อไปดูแลท่านก็ทำให้เกิดช่องว่างเพราะเราไปอยู่กับท่าน ไปอยู่ท่ามกลางประชาชนเราก็ใช้อาวุธต่างๆ ได้เต็มที่เขาก็ได้มาปะปนกับชาวบ้านและเวลาที่ใช้อาวุธเขาไม่ได้นึกถึงหรือระวังใคร ไม่ได้ระวังเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องระวังชาวบ้าน แต่เราต้องระมัดระวังชาวบ้าน ต้องใช้อาวุธอย่างระมัดระวังถ้าเกิดโดนชาวบ้านอาจจะเกิดการบาดเจ็บศูนย์เสียได้ ฉะนั้นตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่เราถูกมัดมือไว้ แต่เราทำเต็มที่จะมีการสืบ จับกุมดำเนินคดีในทันที ตามหลักฐานต่างๆ ภายหลังทั้งสิ้น ถ้าปะทะก็ปะทะกันไป ขอร้องอย่างหนึ่งว่าอย่าพยายามเผยแพร่อะไรที่เกินเลยออกไปหรือวิพากษ์วิจารณ์เกินเหตุ ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ออกไปแล้วก็ทำไม่ได้ ทำไม่ได้แบบนั้น ถ้าจะทำได้ต้องมีการเข้มงวดกว่านี้ ถ้ามากกว่านี้ประชาชนจะเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอีก คนที่ไม่เดือดร้อนก็มี เราไม่สามารถไปกำหนดได้เฉพาะถนนเส้นนี้ หรือเฉพาะบ้านนี้ บ้านโน่นเข้มงวดไม่ได้ซึ่งต้องมีการดูแลทั้งพื้นที่ วันนี้ต้องการอยากทำความเข้าใจ
ฉะนั้นยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามที่สำคัญ คือใช้ทางการเมือง การทหาร และการประชาสัมพันธ์ เราได้เข้าไปช่วยเหลือด้วยผสมผสานกัน การจัดตั้งมวลชน หมู่บ้าน โดยการสร้างแกนนำหมู่บ้าน ขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งฝ่ายเราใช้ยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เร่งรัดลงไปพัฒนาลงในพื้นที่ เราแบ่งเป็นพื้นที่ ที่ตามความหนักเบาของสถานการณ์ ถ้าพื้นที่นั้นหนักหน่อยใช้วิธีเสริมสร้างความมั่นคง ใช้กำลังทหาร ตำรวจ พื้นที่เสริมสร้างการพัฒนา ตรงนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ที่เบาลงแล้ว อีกหนึ่งคือพื้นที่ที่ต้องเร่งรัดคือพื้นที่ที่มีความรุนแรงตรงนี้ต้องเร่งการพัฒนาเข้าไปให้คนเข้าใจ ให้คนออกมา มาร่วมมือกันในการพัฒนา วันนี้เราจัดลำดับความเร่งด่วนไปแล้วทุกเรื่องทุกอย่างใช้เวลาไปนานพอสมควร ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาที่ 2 ระยะที่ 1 คือปรับปัญหา ระยะที่ 2 ปรับดำเนินการ ระยะที่ 3 เตรียมส่งต่อกำลังพื้นที่ให้กับกำลังปกติ เหมือนกับการปฏิรูปที่ยังไปต่อไม่ได้
ฉะนั้นต้องใจเย็น ทำอย่างไรให้เกิดการบาดเจ็บสูญเสียน้อยลง ทำอย่างไรจะไม่เจ็บไม่ตาย ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่เพราะคนเหล่านี้มีชีวิตจิตใจ และไปถามคนทำว่า ทำไมวันนี้ในเมื่อต้องการที่จะแยกดินแดน อ้างศาสนา ทำไมคนไทยมุสลิมตายมากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นคนที่ทำเขาไม่ได้สนใจว่าเป็นศาสนาใดทั้งสิ้น สำหรับคนที่กำลังทำอยู่นี้ ผมคิดว่าจะอยู่แบบนี้ไม่ได้สิ่งที่เกิดขึ้นต้องได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกัน บางส่วนได้หลบหนีข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มีทั้งป่า-เขา ลำน้ำ ข้ามไปง่ายมากซึ่งกำลังเร่งรัดว่าจะทำอย่างไร จะสามารถสร้างรั้วขึ้นมาได้หรือไม่หรือติดเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการดูแลชายแดนชายในทุก 5,600 กิโลเมตรยังคงใช้ทหาร ใช้สายตาเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าติดตามระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา เพราะใช้งบประมาณที่สูงซึ่งรั้วไม่มี ควรเห็นใจในการทำงานบ้าง เขาได้เสี่ยงชีวิตให้ท่านทุกวันแต่ทั้งหมดทหารทำงานอยู่ 80,000 คนต่อวัน ตามชายแดนทั้งหมด ทั้งตำรวจ ข้าราชการพลเรือน ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงนั่นคือคนไทยทั้งสิ้นไทยพุทธบ้าง ไทยมุสลิมบ้าง
ในส่วนของการพูดคุยสันติภาพ ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยไปตามลำดับทั้งทางความลับ ทางเปิดเผย พอเปิดเผยมากเข้าไม่ได้ เราจำเป็นต้องมีการเตรียมการสร้างความพร้อมให้มากขึ้นกว่าเดิม อันแรกคือต้องสรรหาว่าใครที่จะมาพูดคุยกับเรา คือต้องเป็นผู้นำขบวนการที่แท้จริง คือจะต้องไปรวมทุกกลุ่มมาให้ได้ ไม่ใช่กลุ่มนี้ใหญ่แล้วมาคุยกลุ่มเดียว ซึ่งกลุ่มเล็กก็มีศักยภาพ ซึ่งทำคนละมากบ้าง น้อยบ้าง พอกลุ่มใหญ่มาพูดคุย กลุ่มเล็กก็ต้องการยกระดับตัวเองขึ้นมาบ้าง ให้มีการเข้าร่วมการพูดคุย
ฉะนั้นที่ผ่านมามีหลายกลุ่มที่ทำ เรามีข้อมูลอยู่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการปะทะ มีการจับกุม มีหลักฐาน วันนี้ทำอย่างไรให้เกิดการรัดกุมขึ้น ทำอย่างไรจะรวมกันได้และมาพูดคุยกันในทุกมิติ ไม่ว่าจะเรื่องของการพัฒนา เรื่องกฎหมาย เรื่องที่ไม่เป็นธรรมทั้งหมด เราตั้งทำงานไว้หลายคณะ ซึ่งต้องไปเร่งในการพูดคุย ทั้งนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กำลังเร่งดำเนินการ ถ้าเรารีบร้อนพูดคุยกันไปแล้วจบไปแล้ว 3 – 5 ครั้ง ต้องจบไปแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งโลกเป็นแบบนี้ เขารบกันมาหลาย 10 ปี ในประเทศอาเซียนก็มี ถึงแม้จะมีการเจรจากันไปแล้วเพราะว่าทุกอย่างต้องเป็นขั้นเป็นตอน ทุกอย่างต้องใช้เวลา ทุกอย่างเขาไม่ได้มีระเบียบวินัยเหมือนเรา ผมสั่งคนเดียวทั้งกองทัพ ฉะนั้นต้องฟังคำสั่งผม แต่ฝ่ายโน่นไม่ได้มีการสั่งคนเดียว สั่งหลายคน หลายกลุ่ม ถือว่าเป็นการสั่งแบบขาดตอน สั่งแบบเปิดคืออ้างว่าไปทำร้ายตรงนั้นตรงนี้ สั่งให้ไปทำร้ายมากที่สุดคือการสั่งแบบนี้ที่ไหนก็ได้ ซึ่งผมสั่งแบบนั้นไม่ได้ ผมต้องสั่งแบบพื้นที่แบบนี้ แบบนั้น วางกำลังแบบนี้ใช้ยุทธวิธี ยุทธศาสตร์เข้าไปแบบนี้ พัฒนาเข้าไปแบบนี้ วันนี้เราได้ใช้ยุทธศาสตร์การเมืองกับการทหารไปสร้างความเข้าใจ มี 9 ยุทธศาสตร์ที่ทำซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของ สมช. ได้ทำมาตั้งแต่ปี 2555 ทำมาโดยตลอดทั้ง 9 ยุทธศาสตร์ ไม่ใช่บอกแต่ว่าทหารใช้แต่อาวุธ ทหารมีความรู้มาก เนื่องจากต้องคิดมากกว่าเขา รู้ว่าต้องคิดแบบไหน ทำงานแบบใด ทั้งการพัฒนาการเมืองการทำความเข้าใจ การพูดคุยหาทางออก ซึ่งทหารเป็นคนที่เสนอไป ถ้าเราต้องการใช้กำลังอย่างเดียว ต้องการใช้งบประมาณอย่างเดียว ผมจะเสนอให้บุคคลมาร่วมกับเราหรือไม่ ถ้าแบบนั้นทหารต้องทำเอง
ส่วนวันนี้ มีทั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มีทั้งกระทรวง ทบวง กรม แบ่งงาน 21 กระทรวง ที่เกี่ยวข้องมี 3 แท่ง ลงมา 3 ระดับ ตั้งแต่นโยบายขับเคลื่อนทั้งผู้ปฏิบัติ ทั้งหมดนี้ทหารได้ออกความคิดทั้งนั้น คิดให้การเมืองมานำการทหาร ไม่ใช่ให้ทหารมานำการเมือง นี่คือสิ่งที่ผมอยากพูดให้พวกเราเข้าใจ ถ้ามากดดันมากว่า ทำไมสู้กันมากมีการบาดเจ็บล้มตาย ถ้าพูดคุยกันเร็วจะสามารถเลิกเหตุการณ์นี้เร็ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นการต่อสู้ด้วยยุทธศาสตร์ชาติพันธุ์ เขาใช้ยุทธศาสตร์ชาติพันธุ์มาต่อสู้ บางคนบอกว่าทำไมไม่นำมาตรา 66/23 ซึ่งเราก็มี ม. 21 ซึ่งออกกฎหมายมาให้แล้ว กลับมาเข้ารับการอบรม 6 เดือนและกลับไปเป็นทำงานก็ยังไม่เห็นมา ต่างกันเพราะแต่ละภาคจะใช้ไม่เหมือนกัน ใช้ในการเคลื่อนไหวในการต่อสู้จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทาง คสช. กำลังคิดหาลู่ทางทุกอย่าง เช่นโครงการนำคนกลับบ้าน หลายต่อหลายเรื่องที่ทหารคิดแต่ต้องไปขอความร่วมมือ ไปขอระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วนทั้งพลเรือนหลังจากเห็นชอบแล้วนำกลับไปทำ ไม่ใช่ทหารไปสั่งอะไรก็ได้
ฉะนั้น วันนี้ขอกำลังใจบ้างและขอให้ทุกคนเฝ้าระวังให้ความร่วมมือเสียสละความสะดวกสบายและต่อต้านผู้ที่มีอิทธิพลมาแทรกอยู่ในทุกชุมชน นอกจากเรื่องแยกดินแดน ยังมีเรื่องของผิดกฎหมาย เรื่องของปัญหาแทรกซ้อน ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว ผลประโยชน์ น้ำมันเถื่อนและอีกมากมาย ฉะนั้นคนที่อยู่ร่วมกันเป็นหมู่มากก็จะร่วมกัน ฉะนั้นวันนี้ที่น่าเป็นห่วงคือชาวไทยมุสลิมซึ่งถูกทำร้ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปอยู่ในที่ชุมนุม เช่น ตลาด แต่เดิมบอกว่าสู้เพื่อชาวมุสลิม ทำไมวันนี้มีมุสลิมถึงตายด้วย จะบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทำคงไม่เกิดประโยชน์ เพราะไม่ทราบว่าจะต้องทำไปทำไม มีแต่ต้องการให้ทุกคนปลอดภัย ต้องการที่จะพัฒนาทุกด้าน การศึกษาต้องการให้ได้เรียนรู้ อยากให้มีงานทำ เพราะทุกคนคือคนไทย ไม่ใช่คนชาติอื่นเลย ศาสนาคนละศาสนาซึ่งตรงนี้ไม่ได้เป็นอะไร อยู่กันได้ ในกรุงเทพมหานครก็อยู่กันได้
ด้านสังคมจิตวิทยาและสิ่งแวดล้อม 2 เดือนที่ผ่านมา ได้รับเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์ประชาชน คสช. ได้รับเรื่องราวการร้องเรียนของประชาชนเป็นจำนวนมาก ประมาณ 20,000 กว่าเรื่อง เรื่องเล็กเรื่องน้อยเป็นหมื่นเรื่อง ซึ่งได้ส่งกลับไปให้แต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ คสช. แก้ไขเอง คสช. สั่งให้ไปแก้ไข แต่ก่อนไม่ค่อยรับ ไม่ค่อยฟังเขา ถือว่ามาก็จะกลับเอง ทำแบบนั้นไม่ได้ จึงต้องตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและส่งกลับไป กระทรวงไหนถ้าทำไม่เสร็จต้องรายงานมา ฉะนั้นถึงแก้ไขได้ นี่คือการรักษาการณ์เป็นปกติ และได้แก้ไขปัญหาให้แล้วส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 86 อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 3,000 กว่าเรื่อง ใน 20,000 เรื่อง และพยายามจะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบตลอดเวลา
คสช. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องกำหนดให้สารระเหยในกลุ่มโวลาไทล์อัลคิลไนโตรท์ เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามที่คณะกรรมการป้องกันการใช้สารระเหยเห็นชอบ ได้กำหนดสารระเหยในกลุ่มนี้จำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยาที่ใช้มอมเมาเยาวชน เกิดอันตรายต่อร่างกาย ทำให้เกิดโรคต้อหิน ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เม็ดเลือดแดงผิดปกติ ภาวะโลหิตจาง ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติเป็นต้นและอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากนี้ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาถึงมาตรการควบคุมสิ่งเสพติดอื่นๆที่มอมเมาเยาวชน ซึ่งได้รับการร้องเรียนมาเป็นจำนวนมากพอสมควร ทำให้เกิดปัญหาสังคมที่ปัจจุบันยังไม่มีกฎระเบียบ กฎหมายในการควบคุม เช่น บารากู (baraku) แพร่หลายเป็นจำนวนมาก ติดกันมากซึ่งอันตรายทั้งสิ้น เหล้าปั่นที่จำหน่ายโดยใช้รถเข็น ตามตรอก ซอกซอย ตอนนี้เจ้าหน้าตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องไปดูแล ให้ว่าถูกหรือผิดกดหมาย ไม่อย่างนั้นสังคมจะย้ำแย่อยู่แบบนี้ จะบอกว่าผมไปทำลายความสุข ซึ่งไม่ใช่ ความสุขนั้นถือว่าเป็นความทุกข์สำหรับคนอื่น กับพ่อแม่ กับตัวเอง ผมว่าไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เป็นต้น
เรื่องการจัดระเบียบสังคม ในเรื่องพื้นที่ค้าขาย ตลาดแผงลอย คิวรถตู้ รถจักรยานยนต์ ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มีความเข้าใจ ให้ความร่วมมือและเสียสละประโยชน์ส่วนตน บางคนบอกว่าจะเกิดได้หรือไม่ อย่างไรต้องเกิดขึ้นได้ ถ้าท่านให้ความร่วมมือ วันนี้เกิดได้เพราะท่านกลัวกฎหมาย สำหรับวันข้างหน้าท่านไม่กลัวกฎหมายคงไม่เกิด ท่านต้องฝึกฝนตัวเองให้เกิดการเชื่อฟังกฎหมายอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายของเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องมีคุณธรรมจริยธรรม ไม่เรียกร้องผลประโยชน์ สิ่งนี้น่าจะยั่งยืนได้ เราเริ่มต้นให้จะให้เราบังคับท่านไปตลอดหรือไม่ วันนี้อยากขอให้ช่วยกันทำตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ต้องทำงานให้เต็มที่ ใช้หลักเมตตาธรรมด้วย สังคมจะได้ไม่วุ่นวาย ไม่เสียหายไปจากอนาคต ในส่วนของการประกอบอาชีพ การมีรายได้ ผมย้ำไปแล้วว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องไม่ให้พ่อแม่พี่น้องนั้นได้รับความเดือดร้อน มีผลกระทบต่ออาชีพและรายได้ หลักของคนยากจน คำว่ายากจน ผมไม่ได้ดูถูกว่าท่านจน ผมเข้าใจคำว่ายากจนจำเป็นต้องใช้ เป็นศัพท์เพื่อจะได้นำไปสู่พัฒนา ผู้ที่มีรายได้น้อย ผู้ที่เข้าไม่ถึงทรัพยากรอย่างทั่วถึง ด้อยโอกาส คสช. พยายามที่จะปรับแก้เรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด
ขณะนี้ คสช. ให้ความเห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติรวม 12 ฉบับ ที่จะเสนอเข้าสู่ สนช.ได้ทันทีที่มีการเปิดประชุมสภา เช่น ร่าง พรบ. การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญ ตาม พรบ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 เพื่อให้ข้าราชการซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) สามารถกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพื่อช่วยเหลือลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนของข้าราชการและผู้รับบำนาญ ซึ่งเป็นสมาชิก กบข. ในการดำรงชีวิตในระยะยาว ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม แก้ไขให้ขยายขอบเขตการบังคับใช้ให้ครอบคลุมลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ ร่าง พรบ. การคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง โดยให้มีคณะกรรมการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เพื่อกำหนดนโยบายและแนวทางดำเนินการให้ความคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งและให้จัดตั้งสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนและดูแลคนไร้ที่อยู่อาศัย และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ เป็นต้น
เรื่องการศึกษา จากข้อร้องเรียนถึงระบบประเมินคุณภาพการศึกษาของ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา คสช. ได้ขอความร่วมมือกับสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ให้ชะลอการประเมินตัวบ่งชี้รอบที่ 4 ไปพลางก่อน ซึ่ง สมศ.เห็นด้วย และให้มีการทบทวนกระบวนการ มาตรฐานตัวชี้วัดการประเมินคุณภาพการศึกษา ให้สอดคล้องกับบริบทของการศึกษาไทย กลุ่ม ประเภท คุณลักษณะของแต่ละมหาวิทยาลัยที่มีความแตกต่างกัน ไม่เป็นภาระครูอาจารย์ที่ต้องเสียเวลาการเตรียมการสอนไปทางด้านธุรการ โดยนำเสนอข้อปรับปรุง แนวทางแก้ไขเข้าคณะรัฐมนตรี เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อพิจาณาอนุมัติก่อนการประเมินครั้งต่อไป
ประเด็นอื่นๆ ที่ประชาชนให้ความสนใจ ผมพูดไปท่านก็ตอบกลับมา บางครั้งผมพูดไปมากท่านก็ตอบกลับมา 2 -3 เท่า ส่วนใหญ่ให้คำแนะนำติติงวิภาควิจารณ์ พอสมควรตรงนี้ผมรับได้
สื่อ ขอขอบคุณสมาคมสื่อที่ช่วยกันสร้างความเข้มแข็งและจริยธรรมให้กับองค์กรสื่อด้วยกัน คสช. ไม่ได้มุ่งหวังจะปิดกั้น เพียงแต่ขอร้องให้อยู่ในกฎกติกา มีจรรยาบรรณ และปรับปรุงคุณภาพ วิสัยทัศน์ของสื่อทุกประเภท เพื่อช่วยกันลดความขัดแย้ง และเราเป็นคนไทยด้วยกันบ้าง ถ้าหากมากล่าวหาในทางเสียหาย เด็กไม่เคารพนับถือกันซึ่งจะเกิดความเสียหาย ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะวิพากษ์วิจารณ์ไปพอสมควร ผมขอขอบคุณทุกคน
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เกรงว่าจะไม่เข้าใจอีก การดำเนินการต้องใช้เวลา ในขั้นตอนมากมายกว่าจะสำเร็จ วันนี้อนุมัติยุทธศาสตร์ไปล่วงหน้าหลายปี เพราะไม่ได้ทำล่วงหน้าภายใน 3 วันเสร็จ ฉะนั้นการทำโครงสร้างพื้นฐานต้องใช้เวลาหลายปี ใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงวางแผนงานให้ดี บางคนบอกว่า อกมามีราคาที่แพงกว่าเดิม ของเดิม ของเก่า ซึ่งทำให้คนทำงานเกิดความท้อแท้ จะทำอะไรก็มีปัญหาทั้งหมด ต้องคอยดูเขาเพียงแต่พูดเพียงแต่อนุมัติหลักการไว้ ยังไม่ได้เงินเลย ไปดูว่าแผนงานที่ออกมาดีหรือไม่ เป็นอนาคตของชาติหรือไม่ สามารถจะพัฒนาขึ้นได้หรือไม่ ไปดูตรงมุมนั้นดีกว่า ซึ่งต้องทำต่อไป
เรื่องของวางแผนงานระยะเวลา ระยะสั้น ระยะยาว ในการก่อสร้าง ขั้นตอนการดำเนินงาน การจัดซื้อจัดจ้าง การร่าง TOR ความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ซึ่งต้องทำทั้งหมดใช้เวลาพอสมควร เงินยังไม่มีซึ่งจะใช้ตรงไหนมาว่าอีกครั้ง อันไหนใช้งบประมาณได้ อันไหนจะกู้ กู้แล้วไม่เกินกรอบหนี้สาธารณะหรือไม่ ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ ผมคงไม่ทำอะไรที่ง่ายๆ พอแล้วเสร็จ คงต้องให้มีความโปร่งใส ทั้งนี้ ต้องมีการวางแผนให้มีความต่อเนื่องเชื่อมโยง ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งทางถนน ทางราง ทางน้ำ ท่าเรือ ทางอากาศ และอื่นๆ สะดวกทั้งทางบ้านเราและต่างประเทศ
เรื่องการขนส่งสินค้า การเดินทาง การเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า การขนส่งมวลชนอื่นๆ ให้เกิดเป็นระบบและโครงข่าย (network) ในการคมนาคมของประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน และประชาคมอื่นๆในอาเซียน และขยายวงกว้างออกไปในกลุ่ม Asia-Pacific ในอนาคต สำหรับการลงทุนแบบให้เปล่าจากต่างประเทศ ยังไม่ได้ไปตกลงกับใคร ซึ่งได้วางแผนอย่างเดียวและได้อนุมัติแผนไปเท่านั้น
ระบบรถไฟทางคู่และทางอากาศ มีอยู่ 2 ประการ ว่าจะทำอย่างไรจะเกิดประโยชน์ให้มากที่สุดกับสิ่งที่เรามีอยู่แล้วเดิม คือระบบรางรถไฟขนาด 1 เมตร ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และมีสนามบินสุวรรณภูมิสร้างใหม่ ดอนเมืองสร้างเดิมปรับปรุง อู่ตะเภาสร้างไว้ตั้งแต่สมัยที่มีสงคราม 3 สนามบินเราใช้ประโยชน์เต็มที่แล้วหรือไม่ การเชื่อมต่อ ขยาย ระบบรถไฟฟ้าจะต้องเชื่อมโยงตรงไหน แอร์พอร์ตลิงค์ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่จะทำอย่างไรต้องค่อยวางแผนในภาพรวม มองภาพการท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ ด้วย ระยะต้นจะต้องไปไหนก่อน ไปภาคตะวันออกก่อนไหม เช่น พัทยา ชลบุรี
สำหรับเรื่องการท่องเที่ยวซึ่งต้องไปสัมพันธ์กับสนามบินภาคตะวันออก ต้องมีรถไฟฟ้ามีรถขนส่งให้เกิดความสอดคล้อง ถ้าไปวางแบบนี้ก็ไปไม่ได้ ซึ่งเริ่มต้นตรงไหนไม่ได้ซักที่ ฉะนั้นวันนี้ได้ให้กระทรวงคมนาคมไปปรับแผนให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ใช้งบประมาณอย่างประหยัด มิฉะนั้นก็จะไม่เกิดความเชื่อมโยงต่อเนื่องในทุกภูมิภาคในโอกาสต่อไป
การซ่อมแซมและการเพิ่มเส้นทางรถไฟรางคู่ขนาด 1 เมตร ยังคงมีความจำเป็น เนื่องจากในปัจจุบันอาเซียนยังคงมีใช้การอยู่ แต่ในอนาคตทุกประเทศต้องมีการปรับเปลี่ยนไปใช้งานรางขนาด 1.435 เมตร ดังนั้น แผนงานของ คสช. จะมีทั้งซ่อมแซมรางเดิม 1 เมตร จัดทำเพิ่มเติม เป็นทางคู่ 1 เมตร และจัดทำใหม่ ขนาด 1.435 เมตร ในเส้นทางที่จำเป็น เพื่อเตรียมการเชื่อมต่อกับ จีน อินเดีย สายใต้ ตะวันออก ตะวันตก ครั้งต่อไปต้องถึงกันทั้งหมด วันนี้ได้มีการพูดคุยหารือกับประเทศรอบๆ บ้าน เขาเห็นชอบด้วยกัน บางคนบอกว่าทำไมไปสร้างจะมีผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งในอนาคตต้องมี วันนี้ 1 เมตรต่อจากที่สร้างสมัยรัชกาลที่ 5 มาก่อน ผมยังไม่เห็นความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นไม่พัฒนามานานมากแล้ว เราจะให้ทำทางคู่กับทาง 1 เมตรเดิม รถไฟทาง 1 เมตร ทางเดี่ยวคือเส้นเดี่ยว ทางคู่มี 2 จึงเรียกกันไปกันมา ต่อไปนี้ให้เข้าใจตรงกันว่ารถไฟทางคู่ เพราะถ้าเราไม่พัฒนา อนาคตเรายังคงใช้ 1 เมตรไปเรื่อยๆ หัวจักรก็จะไม่สร้าง อนาคตต่อไปก็ใช้ แต่อาเซียนหมดเขาก็เลิกผลิต แพง และบรรทุกสินค้าได้น้อย วิ่งช้า ฉะนั้นเราต้องมีแผนจะขยายเป็น 1.435 ส่วน 1 เมตรก็ทำไปก่อน ซ่อม สร้างไปก่อนเฉพาะเส้นที่จำเป็น ขนสินค้า ขนคนที่มีรายได้น้อย แต่ต้องดีขึ้น รถจักรต้องใหม่ขึ้น โบราณแบบเดิมไม่ไหว ทุกคนทนไม่ได้ แต่บอกว่าราคาแพงไปซึ่งเราเองก็ผลิตไม่ได้ คสช. ได้ติดตามการดำเนินการพัฒนาปรับปรุงและแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง
ขอขอบคุณคณะกรรมการ ผู้บริหาร ทั้งชุดที่แล้วที่เปิดทาง เปิดโอกาสให้มีการแก้ไขปรับปรุง และชุดใหม่ที่มีความตั้งใจ ทุ่มเทเดินหน้าพัฒนารัฐวิสาหกิจให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างเต็มที่ ของบางอย่างเป็นปัญหามาเป็น 10 ปี วันนี้ 3 เดือนต้องแก้ไขได้ ต้องใจเย็น ใจร้อนมากจะเสียหาย วันนี้กำลังอยู่ในแผนพัฒนากิจการ เกิดประโยชน์กับส่วนรวมและประเทศชาติ ซึ่งข